วันนี้ทีมงาน GCLUB ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่าน... อาการปวดหลังเป็นอาการที่มักเกิดขึ้นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
และบ่อยครั้งที่อาการปวดหลัง ก็ไม่ได้เกิดมาจากที่หลังของเราโดยตรง
แต่สามารถเป็นผลกระทบมาจากอาการปวดในที่อื่น หรือจากโรคบางอย่างก็เป็นได้
มาทำความรู้จักกับ 7 สาเหตุที่ทำให้เกิด อาการปวดหลังในผู้หญิง
เพื่อที่จะรักษาได้อย่างถูกจุด
1.โรคปวดก้นกบ
โรคปวดก้นกบ
(Coccydynia) มีผลต่อผู้หญิงทุกวัย แต่ผู้หญิงวัย 40 ปีเป็นอายุเฉลี่ยที่เริ่มมีอาการ
โดยอาการของโรคปวดก้นกบจะหายไปภายในสัปดาห์หรือเป็นเดือน
แต่อาจกลายเป็นโรคเรื้อรัง และส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้
ทำให้คุณไม่สามารถขับรถหรือก้มตัวโดยไม่เจ็บปวด อาการของโรคปวดก้นกบคือจะค่อยๆ
เจ็บปวดบริเวณก้นกบ หรือเกิดขึ้นทันที
หลังจากได้รับผลกระทบบริเวณปลายสุดของกระดูกสันหลัง
กระดูกก้นกบมักจะเจ็บเมื่อสัมผัส นั่ง หรือได้รับแรงกดบนบริเวณที่เจ็บ
นอกจากนี้อาการท้องผูกจะเพิ่มความเจ็บปวด
แต่อาการปวดจะลดลงหลังจากการเคลื่อนไหวของลำไส้
ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคปวดก้นกบมากกว่าผู้ชาย
5 เท่า เนื่องจากการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์
และตำแหน่งของกระดูกก้นกบที่ได้รับการป้องกันน้อยในผู้หญิง
ถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชาย
ถึงแม้ว่าโรคกระดูกก้นกบส่วนใหญ่จะเกิดจากการคลอดบุตร หรือการล้มไปด้านหลัง คุณหมอก็ยังคงไม่สามารถระบุสาเหตุของโรคได้ทุกครั้ง
แต่สาเหตุอาจเกิดจากการที่กระดูกก้นกบไม่ยืดหยุ่นพอ ที่จะโค้งงอเนื่องจากแรงกดดัน
ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บที่กระดูกต้นกบและเส้นเอ็นบริเวณใกล้เคือง
หรือบาดเจ็บทั้งสองส่วน
2.
กระดูกยุบตัวเนื่องจากกระดูกพรุน
ผู้หญิงมีแนวโน้มเกือบ
2 เท่า ที่จะเป็นโรคกระดูกยุบตัว (Conpression Fractre) มากกว่าผู้ชาย
เนื่องจากโรคกระดูกยุบตัวมีสาเหตุมาจากโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
และผู้หญิงมีแนวโน้มมากกว่าที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน
ถ้าคุณอายุมากกว่า 45 ปี และมีอาการปวดหลังฉับพลันและปวดรุนแรง
โดยเฉพาะถ้าคุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน
คุณควรไปหาพบหมอโดยเร็ว ปัจจัยเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุน ได้แก่
มีประวัติว่าคนในครอบครัวกระดูกหัก เป็นโรคกระดูกพรุน และมีโครงสร้างร่างกายเล็ก
ถึงแม้ว่าคุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวด ก็ควรไปพบหมอหลังจากมีภาวะกระดูกสันหลังยุบตัว
เนื่องจากการบาดเจ็บอาจจำกัดการเคลื่อนไหวของคุณ
3.
ความเสื่อมของหมอนรองกระดูกและข้อต่อของกระดูกสันหลัง
ความเสื่อมของหมอนรองกระดูกและข้อต่อของกระดูกสันหลัง
ส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังและปวดขาได้ โดยเมื่อกระดูกสันหลังส่วนล่าง (เอวล่าง)
ของคุณเคลื่อนไปข้างหน้า และไปอยู่เหนือกระดูกที่อยู่ด้านล่าง
คุณจะเกิดภาวะที่เรียกว่า โรคกระดูกสันหลังเคลื่อน (Spondylolisthesis)
หรือกระดูกสันหลังเลื่อน
การเคลื่อนที่ของกระดูกสันหลังอาจระคายเคืองรากของกระดูกบริเวณใกล้เคียง
ส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดที่หลังส่วนล่างและขา
อาการของโรคบางครั้งได้แก่ มีอาการเจ็บหรือรู้สึกขาไม่มีแรง ตอนเดินหรือยืน
การนั่งลงมักจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้
ความเจ็บปวดจากโรคกระดูกสันหลังอาจรุนแรงขึ้น
จนส่งผลต่อกิจกรรมในชีวิตประจำวันของคุณ
โรคหมอนรองกระดูกและข้อต่อของกระดูกสันหลังเสื่อม มักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
โดยผู้หญิงมีสัดส่วนมากกว่า 3 ต่อ 1 ในการเป็นโรคนี้
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงมีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้มากกว่า
เนื่องจากความแตกต่างของอุ้งเชิงกราน
และการเป็นโรคกระดูกพรุน ที่ผู้หญิงจะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชาย
ความเสื่อมของหมอนรองกระดูกและข้อต่อของกระดูกสันหลัง
มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณมีอายุ 50 ปีหรือมากกว่า
ความเสื่อมของข้อต่อและเส้นเอ็นเนื่องจากอายุ
ส่งผลให้กระดูกสันหลังยากที่จะอยู่ในแนวตรง
ทำให้เกิดเป็นโรคหมอนรองกระดูกและข้อต่อของกระดูกสันหลังเสื่อม
4.
กลุ่มอาการกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท
กลุ่มอาการกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท
(Piriformis syndrome) เป็นโรคที่แพร่หลายมากที่สุดในผู้หญิงวัย 40-60
ปี โดยผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชาย 6 เท่า
คุณหมอไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ว่า ทำไมผู้หญิงจึงเป็นโรคนี้
แต่ความแตกต่างของร่างกายผู้หญิงกับผู้ชาย โดยเฉพาะบริเวณอุ้งเชิงกราน
อาจเป็นเหตุผลสำคัญ
5.
ปวดสะโพกร้าวลงขา
อาการปวดสะโพกร้าวลงขา
(Sacroiliac Joint Dysfunction) มีแนวโน้มที่จะเกิดในผู้หญิงอายุน้อยและวัยกลางคน
ผลจากการตั้งครรภ์เป็นหนึ่งในเหตุผล ที่ทำให้ผู้หญิงมีแนวโน้มจะเป็นโรคปวดสะโพกร้าวลงขามากกว่า
ระหว่างการตั้งครรภ์ ร่างกายจะหลั่งสารเคมีที่ทำให้เส้นเอ็นและข้อต่อผ่อนคลาย
เพื่อขยายพื้นที่ให้ทารก
และเพื่อการขยายตัวของอุ้งเชิงกรานและช่องคลอดในตอนคลอดลูก
แรงกดทับและน้ำหนักของทารกยังเป็นสาเหตุที่ทำให้อุ้งเชิงกรานตึงเครียด นอกจากนี้อุบัติเหตุ เช่น การหกล้ม
อาจส่งผลต่อเส้นเอ็น เป็นเหตุให้เกิดปวดสะโพกร้าวลงขาได้เช่นกัน
6.
ภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน
ในหลายกรณีของอาการปวดหลังด้านล่าง
อาจไม่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง แต่สามารเกิดได้จากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น
ภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน (Pelvic inflammatory disease: PID) อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดท้องและปวดหลังด้านล่างในผู้หญิง
โดยจะมีอาการอ่อนเพลีย
เป็นไข้ อาเจียนหรือท้องเสีย มีอาการตกขาวผิดปกติ
รวมถึงมีอาการเจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ร่วมด้วย
ภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกรานเป็นการติดเชื้อในระบบสืบพันธ์เพศหญิง
หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ความเสียหายของระบบสืบพันธุ์เพศหญิงและทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก
การรักษาโรคขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและอาจมีการใช้ยาปฏิชีวนะ
หรือมีการผ่าตัดถ้าโรคทำให้เกิดฝี (การสะสมของหนอง)
7.
โรคตับอ่อนอักเสบ
โรคตับอ่อนอักเสบ
(Pancreatitis) เป็นอีกโรคหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการปวดท้องและหลังส่วนล่างในผู้หญิง
หากเป็นอาการปวดท้องมักจะเป็นตรงกลางส่วนบน โรคตับอ่อนอักเสบ หมายถึง
การอักเสบของตับอ่อน
ซึ่งมีหน้าที่ในการผลิตฮอร์โมนและเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับการย่อยอาหาร โรคตับอ่อนอักเสบอาจเกิดขึ้นฉับพลัน
หรือเรื้อรัง โดยบางครั้งอาจมีอาการวิงเวียนและอาเจียน อุจจาระมีกลิ่นเหม็นมาก
หรืออาหารไม่ย่อยร่วมด้วย Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์
การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : sanook





ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น