วันนี้ทีมงาน GCLUB มีข้อมูลข่าวสารดีๆ มานำเสนอท่านผู้อ่านทุกท่าน... ในยุคที่ใคร
ๆ ตื่นตัวกับการออกกำลังกาย พ่อแม่ก็ต้องการให้ลูกเล่นกีฬา
แต่บางครั้งเป็นการยากที่จะเคี่ยวเข็ญให้เด็ก ๆ ละสายตาจากจอโทรทัศน์
หันไปหาสิ่งอื่น ๆ
ดังนั้น
ถึงพ่อแม่จะรู้ซึ้งถึงคุณค่าของการกีฬา
ทว่าไม่อาจทำได้ดังใจเพราะลูกเจ้ากรรมช่างดื้อรั้นกับความปรารถนาดีของพ่อแม่
ตัวอย่างที่เห็นกันบ่อยๆคือ เด็กร้องไห้ไม่ยอมเรียนว่ายน้ำ
หรือทะเลาะกับพ่อแม่เวลาถูกบังคับให้ออกกำลังกาย
ถ้าท่านมีปัญหาดังกล่าว
ลองทำตามคำแนะนำต่อไปนี้
-ทำตนเป็นตัวอย่างที่ดี
เด็กจะปฏิบัติตามอย่างพ่อแม่มากกว่าคำเคี่ยวเข็ญหรือร้องขอ ฉะนั้น
ถ้าอยากให้ลูกออกกำลังกาย ท่านควรเป็นผู้ปฏิบัติให้ลูกเห็นเสียก่อน
-การออกกำลังกายควรเป็นเรื่องสนุกสนาน
ไม่ว่าจะเป็นกายบริหาร หัดว่ายน้ำ หรือวิ่ง อย่าให้มีการฝืนใจ หรือทำให้เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ
-ใช้การกระตุ้นด้วยรางวัลที่เหมาะสม
ซึ่งควรเกี่ยวข้องกับกิจกรรมกีฬา เช่น ซื้อกางเกงวิ่งตัวใหม่
หรือเสื้อชุดฟุตบอลโลกให้เป็นรางวัลเมื่อลูกทำได้ตามเป้าหมาย
-อย่าได้น้อยอกน้อยใจถ้าลูกไม่สนใจ
หรือแสดงอาการเบื่อหน่ายใน “ของดี” ที่เราพยายามมอบให้ เด็กย่อมเป็นเด็กวันยังค่ำ
จึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนในการปลูกฝังนิสัยชอบออกกำลังกายให้แก่เขา
-ออกกำลังร่วมกันทั้งครอบครัว
ซึ่งมีผลพลอยได้ช่วยกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว และช่วยลดช่องว่างระหว่างวัย
-อย่าไปเน้นเรื่องการแข่งขันเอาแพ้-ชนะ
เด็กแต่ละคนมีความสามารถทางกีฬาแตกต่างกัน
แต่ทุกคนควรได้รับการส่งเสริมให้ออกกำลัง ไม่ว่าจะวิ่งเข้ามาที่หนึ่งหรือที่โหล่
-วางแผนระยะยาว
มิใช่ท่านต้องการเพียงอวดคนอื่นว่า มีลูกชายวัยสิบขวบเป็นนักวิ่ง
แต่ควรวางแผนให้เขาสนใจรักษาสุขภาพและความแข็งแรงของร่างกายชั่วชีวิต
-เลิกเปรียบเทียบลูกของท่านกับเด็กอื่นๆ
เพราะรังแต่จะทำให้เขาใจฝ่อห่อเหี่ยว
-สนใจไต่ถามลูกเกี่ยวกับชั่วโมงพละศึกษาที่โรงเรียนบ้าง
โดยมากเรามักเพ่งเล็งแต่การเรียนด้านวิชาการ จำกัดการดูโทรทัศน์
คำแนะนำสิบข้อนี้คงจะช่วยเหลือท่านผู้ปกครองในการปลูกฝังนิสัยรักการออกกำลังให้แก่ลูกหลานได้บ้าง
และนั่นจะเป็นมรดกล้ำค่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความรู้ด้านการประกอบอาชีพ
คงไม่มีประโยชน์มากนัก ถ้าลูกท่านเป็นคนเก่งสารพัด แต่มีร่างกายอ่อนแอ ขี้โรค
หรือว่าอายุสั้น
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : thaihealth







ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น