วันนี้ทีมงาน GCLUB มีข้อมูลข่าวสารดีๆ มานำเสนอท่านผู้อ่านทุกท่าน... ประกันสุขภาพแต่ละแบบมักมีเงื่อนไขความคุ้มครอง
รวมถึงข้อยกเว้นที่ไม่เหมือนกัน
ผู้ทำประกันจึงควรศึกษารายละเอียดของแต่ละแบบให้ครบถ้วน
ทั้งก่อนและหลังตัดสินใจทำประกัน เพื่อให้เราใช้สิทธิ์ได้อย่างถูกต้อง ประกันสุขภาพมีหลายแบบ
โดยจะซื้อพ่วงกับประกันชีวิตหรือซื้อแยกก็ได้ ขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์ของบริษัทประกัน
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า เมื่อทำประกันสุขภาพแล้ว
หากเจ็บป่วยก็จะเรียกร้องผลประโยชน์หรือเคลมได้เสมอ
เมื่อไหร่รู้สึกเริ่มมีอาการไม่ค่อยสบายก็จะรีบไปโรงพยาบาลทันที
เพื่อจะได้ใช้ประกันสุขภาพ โดยยังไม่เข้าใจเงื่อนไขความคุ้มครอง
หรือข้อยกเว้นของสัญญาประกันสุขภาพที่ตัวเองทำไว้
จึงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องผิดหวัง เมื่อเจ็บป่วยแต่เคลมไม่ได้
ทำให้รู้สึกไม่ดีกับการทำประกันสุขภาพในทันที
การรักษาที่เกินจำเป็น
สาเหตุนี้มักเกิดจากความไม่เข้าใจเงื่อนไขความคุ้มครอง
เช่น รู้สึกปวดหัวเหมือนจะเป็นไข้
ก็รีบไปโรงพยาบาลแล้วขอนอนพักรักษาในโรงพยาบาลให้เกิน 6 ชั่วโมง
เพื่อให้มีสถานะเป็นผู้ป่วยใน โดยคาดหวังว่าจะสามารถเคลมได้นั้น
แท้จริงแล้วในกรมธรรม์ระบุเงื่อนไขไว้ว่า ต้องเป็นการรักษาที่จำเป็น
ในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยได้รับคำวินิจฉัยหรือความเห็นจากแพทย์ ดังนั้น
ถ้าเราขอนอนโรงพยาบาลเองโดยไม่ได้เกิดจากความเห็นของแพทย์ก็จะเคลมไม่ได้
เจ็บป่วยในช่วงระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง
เนื่องจากบริษัทจะรับทำประกันเมื่อผู้เอาประกันไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยมาก่อน
จึงกำหนดระยะเวลารอคอยหรือระยะเวลาที่ไม่คุ้มครองไว้
หากเจ็บป่วยด้วยโรคหรืออาการที่อยู่ในเงื่อนไขความคุ้มครองก็เคลมไม่ได้
ตัวอย่างเช่น ทำประกันคุ้มครองกรณีนอนรักษาในโรงพยาบาล กรมธรรม์ระบุระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง
30 วัน นับจากวันทำสัญญา ดังนั้น หากเจ็บป่วย
แม้แพทย์วินิจฉัยให้นอนรักษาในโรงพยาบาล แต่เกิดภายในช่วง 30 วัน นับจากวันทำสัญญา
ก็ยังเคลมไม่ได้
เจ็บป่วยเป็นโรคที่ไม่อยู่ในเงื่อนไขความคุ้มครอง
กรณีนี้มักเกิดกับประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงต่าง
ๆ ซึ่งเรามักเข้าใจว่า หากป่วยเป็นโรคร้ายแรงใด ๆ ก็จะเคลมได้
แต่แท้จริงแล้วต้องพิจารณาคำจำกัดความของคำว่า “โรคร้ายแรง”
ที่ระบุในกรมธรรม์ด้วยว่า โรคร้ายแรงที่คุ้มครองหมายถึงโรคอะไรบ้าง
แต่ละโรคต้องมีอาการหรือขั้นของโรคนั้น ๆ
อย่างไร
ตัวอย่างเช่น ประกันคุ้มครอง 30 โรคร้ายแรง ซึ่งโรคมะเร็งเป็นหนึ่งใน 30
โรคที่ระบุในกรมธรรม์ แต่ถ้าอ่านรายละเอียดจะพบว่าโรคมะเร็งที่จะเคลมได้นั้นต้องเป็นมะเร็งในระยะลุกลาม
นั่นแสดงว่า หากตรวจพบเซลล์มะเร็งหรือเป็นมะเร็งระยะไม่ลุกลามก็ยังเคลมไม่ได้
เป็นต้น
มีสาเหตุหรือเป็นโรคที่ระบุไว้ในข้อยกเว้น
จากที่กล่าวไว้ข้างต้น
แต่ละสัญญาจะมีข้อยกเว้นความคุ้มครองกำหนดไว้ ดังนั้น
หากเจ็บป่วยหรือมีสาเหตุที่ระบุในข้อยกเว้นจะเคลมไม่ได้ เช่น
ประกันคุ้มครองกรณีนอนรักษาในโรงพยาบาล มีข้อยกเว้นคือ ต้องไม่เจ็บป่วยที่มีสาเหตุมาจากการดื่มสุรา
พยายามทำร้ายร่างกายตัวเอง
ศัลยกรรม คลอดบุตร หรือโรคเอดส์ เป็นต้น เพราะฉะนั้น
หากดื่มสุราแล้วขับรถเกิดอุบัติเหตุจนต้องนอนรักษาในโรงพยาบาลก็เคลมไม่ได้
เนื่องจากมีสาเหตุมาจากการดื่มสุราซึ่งอยู่ในข้อยกเว้นนั่นเอง
แท้จริงแล้วการทำประกันสุขภาพเป็นการวางแผนแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายจากการเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด เกิดกับใคร เกิดร้ายแรงมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น
หากเราอยากทำประกันสุขภาพเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากจะพิจารณาค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายเทียบกับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้จากการเคลมแล้ว
อย่าลืมอ่านรายละเอียดในกรมธรรม์ โดยทำความเข้าใจเงื่อนไขความคุ้มครอง
รวมถึงข้อยกเว้นต่าง ๆ ของแต่ละสัญญาให้ครบถ้วน ทั้งก่อนและหลังทำประกันสุขภาพ
เพราะแต่ละสัญญามีเงื่อนไขไม่เหมือนกัน เราจะได้ใช้ทุกสิทธิ์ได้อย่างถูกต้อง
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : kapook







ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น