วันนี้ทีมงาน GCLUB ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่าน... หนึ่งในโรคที่หลายคนอาจเคยได้ยินแต่ไม่ได้รู้จักมากนัก
คือ โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีกหรือ Bel's palsy โดยผู้ป่วยจะมีใบหน้าเป็นอัมพาตครึ่งซีกฉับพลันทั้งส่วนบนและล่างของใบหน้า
แม้สาเหตุจะยังไม่ทราบแน่ชัดถึงทุกวันนี้
แต่จากงานวิจัยคาดว่าน่าจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะเชื้อเริมบริเวณเส้นประสาทสมองคู่ที่
7 ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้า โดยมักแสดงอาการเมื่อร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำ
ซึ่งการนอนน้อยติดต่อกันนั้นก็อาจมีส่วนทำให้เกิดโรคนี้เช่นกัน
อาการแสดงหน้าเบี้ยวครึ่งซีก
1.
เริ่มต้นใน 24-48 ชั่วโมง
2.
ใบหน้าชา
3.
ไข้ต่ำ ๆ คล้ายเป็นหวัด :
4.
กะพริบตาไม่ได้
5.
ปวดบริเวณหลังใบหู
6.
หลับตาไม่สนิท
7.
ริมฝีปากแข็ง
8.
ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้ารวมถึงหน้าผากด้านหนึ่งได้
-
โรคนี้เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยกลุ่มที่มีความเสี่ยง ได้แก่
หญิงตั้งครรภ์เสี่ยงกว่าคนทั่วไปประมาณ 3 เท่า
ผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นประมาณ
4-5 เท่า
-
พฤติกรรมเสี่ยง เช่น พักผ่อนไม่เพียงพอ, ทำงานหนัก, ความเครียด
ก็เป็นสาเหตุทางอ้อมที่กระตุ้นอาการของโรคได้
-
ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นภายใน 3-4 สัปดาห์ และหายเป็นปกติภายใน 3-6 เดือน
หากไม่ได้รับการรักษาโอกาสหายเป็นปกติประมาณ 65% แต่ถ้าได้รับการรักษาด้วยสเตียรอยด์
เพื่อลดการอักเสบและบวมของเส้นประสาท โอกาสหายเป็นปกติสูงถึง 97%
-
โรคนี้มีโอกาสเป็นซ้ําแค่ 9.3%
STEPS ง่าย ๆ ทดสอบหน้าเบี้ยว ด้วยตนเอง
1.
ยักคิ้วขึ้น 2 ข้าง: คิ้วต้องสูงเท่ากันหรือหากต่างกันก็เพียงเล็กน้อย
2.
ปิดตาทั้ง 2 ข้าง: ตาทั้งสองข้างต้องปิดสนิท ไม่เห็นตาขาว
3.
ยิ้มกว้าง: ยิ้มเท่ากันทั้งสองข้าง
ทั้งนี้
เมื่อผู้ป่วยทราบว่าตนเองเป็นโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก
ผู้ป่วยควรได้รับยาเร็วที่สุดตั้งแต่เริ่มมีอาการ
แม้สาเหตุการเกิดโรคส่วนหนึ่งอาจเกิดจากไวรัส แต่ผลการศึกษายังไม่พบประโยชน์ที่ชัดเจนของการให้ยาต้านไวรัส
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : thaihealth





ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น